วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ไฟเขียวสายครูเพิ่ม PAT เฟ้นว่าที่แม่พิมพ์

ทปอ.เตรียม ประมวลข้อสรุปต่างๆ ที่เกี่ยวกับการแอดมิชชั่นขึ้นเว็บไซต์ เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็น จนถึงสิ้นเดือนนี้ พร้อมกันนี้ ยังเตรียมจัดทำฐานข้อมูลกลาง ตรวจสอบรายชื่อนักเรียนซ้ำซ้อน ป้องกันการเรียนควบ 2 แห่ง จากกรณีที่ประชุมคณบดีคณะครุศาสตร์ /ศึกษาศาสตร์ 16 สถาบัน เสนอขอเพิ่มการสอบแบบทดสอบความถนัดทางวิชาชีพ/วิชาการหรือ PAT เพิ่มเติมนอกเหนือจากการสอบ PAT 5 ความถนัดทางวิชาชีพครู ในการคัดเลือกนิสิตนักศึกษาเข้าศึกษาต่อคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ ตั้งแต่ปีการศึกษา 2554 เป็นต้นไปนั้น รศ.ดร.มณฑล สงวนเสริมศรี ประธานคณะทำงานแอดมิชชั่นฟอรั่ม ของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) กล่าวว่า การขอสอบ PAT อื่นๆที่มีอยู่แล้ว เช่น PAT 1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์, PAT 2 ความถนัดทางวิทยาศาสตร์ เป็นต้น ถือว่ายังอยู่ในกรอบที่ ทปอ. วางไว้คือ ต้องใช้องค์ประกอบ 4 ข้อคือ คะแนนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรม.ปลายหรือ (GPAX), คะแนนแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต, คะแนนแบบทดสอบความถนัดทั่วไปหรือ GAT และคะแนนแบบทดสอบความถนัดทางวิชาชีพ/วิชาการหรือ PAT ซึ่งเสนอมาได้ แต่ไม่ควรเพิ่มจำนวนมากเกินไป และขอให้เสนอมาอย่างเป็นทางการ เพื่อคณะทำงานฯจะได้พิจารณาต่อไป ซึ่งยังมีเวลาที่จะเสนอได้ เพราะอยู่ในช่วงประชาพิจารณ์ คาดว่าสัปดาห์หน้าจะประมวลข้อสรุปต่างๆขึ้นเว็บไซต์ของ ทปอ. เพื่อรับฟังความเห็นจนถึงสิ้นเดือน ก.ย.นี้

ส่วนกรณีปัญหานักเรียน วิ่งรอกสอบรับตรง เมื่อสอบติดหลายแห่งทำให้ต้องเรียนควบ 2 แห่ง ในที่สุดก็สละสิทธิ์เลือกเรียนที่ใดที่หนึ่ง แต่ส่งผลให้ผู้อื่นเสียสิทธิ์ และหากมหาวิทยาลัยรับตรงมากขึ้น ปัญหาดังกล่าวก็จะมากขึ้นตามไปด้วยนั้น ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา กล่าวว่า ระบบการรับตรงจะต้องมีกลไกกลางตรวจสอบ โดยตนจะหารือกับ ทปอ. เพื่อให้จัดทำฐานข้อมูลกลาง เพื่อให้มหาวิทยาลัยต่างๆตรวจสอบผลการสอบรับตรงของแต่ละแห่งว่ามีนักเรียน ที่มีรายชื่อซ้ำกันกี่แห่ง ซึ่งนักเรียนจะต้องตัดสินใจก่อนรายงานตัวกับมหาวิทยาลัย ซึ่งหาก ทปอ. ไม่สามารถดำเนินการได้ สกอ. ก็รับที่จะช่วยจัดทำฐานข้อมูลกลางให้ ซึ่ง สกอ. ก็เคยดำเนินการแล้ว กรณีให้มหาวิทยาลัยนำรายชื่อเด็กที่สอบติดรับตรงมาให้ สกอ. เพื่อตัดสิทธิ์แอดมิชชั่นกลาง อย่างไรก็ตาม กรณีเรียนควบ 2 คณะเป็นเรื่องที่นักเรียนแทบจะทำไม่ได้ เด็กจะต้องเลือกเรียนที่ใดที่หนึ่ง.ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น: